ส่งท้าย IELTS ปัจฉิมจากใจผู้เขียน
อย่างที่ได้เกริ่นเอาไว้ในตอนที่แล้วครับ ว่า English Tips ภาค IELTS ก็จะดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว
ความจริงที่ผ่านมา ผมเองไม่ได้เขียนเน้นหนักไปที่การสอนภาษาอังกฤษเป็นหลัก เนื่องด้วยเห็นว่า ถ้าเราจะมาเรียนภาษาอังกฤษกันจริงๆ คงจะไม่สามารถทำกันได้แค่เดือนละครั้ง ครั้งละแค่ 2-3 หน้ากระดาษ อีกทั้งสถาบันสอนภาษาต่างๆ ก็มีเปิดสอนหลักสูตร IELTS TOEFL กันอยุ่แล้วทั่วไปยั้วเยี้ยไปหมด ดังนั้น ผมจึงไม่เห็นความจำเป็นอะไร ที่ผมจะต้องมานั่งสอนภาษาอังกฤษผ่านหน้าเวปอีก
แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องมานั่งเขียน คอลัมน์ IELTS นั้น นอกจากจะเพราะโดนเจ้านายสั่ง แล้ว ผมยังมีความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทอดเทคนิคดีๆ ให้กับพี่ๆน้องๆที่กำลังจะ เตรียมสอบกัน เพราะผมเชื่อเหลือเกินครับว่า การสอบในแต่ละครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ความรู้อย่างเดียวอาจจะไม่พอ
เทคนิค!!…คือการเตรียมตัวที่จะรับมือกับการสอบ ซึ่งผมมองว่ามันก็ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าการตะบี้ตะบันอ่านหนังสือเลย ยกตัวอย่างผมเองนั้นเคยมีประสบการณ์การสอบ IELTS ครั้งแรก ได้อยู่ที่ 5.5 แต่พอผ่านไปแค่ 3 เดือน ผมกลับทำคะแนนได้เพิ่มมาได้มากถึง 7.0 ซึ่งแน่นอนว่า ถึงแม้จะไม่ใช่คะแนนพระเจ้า แต่การเพิ่มคะแนนถึง 1.5 ในระยะเวลา 3 เดือน ถ้าไม่โทษว่าคนตรวจมันตรวจผิดแล้วละก็ ผมคงต้องนึกชมตัวเองหน่อยละครับว่า เราเตรียมตัวมาอย่างดีจริงๆ
สุดท้ายก่อนที่จะจบกันไป ผมอยากจะแนะนำวิธีการที่สำคัญทีสุด 1 วิธี ที่จะช่วยให้เราเก่งภาษาอังกฤษขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปเมืองนอก แน่นอนครับว่า….มันไม่ง่าย….แต่…ก็ไม่ยาก
ประเด็นแรกผมมองไปที่ผู้ที่เดินทางไปอยู่ในต่างประเทศนั้นโดยปกติแล้ว จะมีความได้เปรียบที่เมื่อกลับมาแล้ว จะมีโอกาสที่จะเก่งภาษาอังกฤษกว่าเรา ทั้งๆที่เค้านั้นไมได้ทำอะไรเลย! กล่าวคือ แค่ไปอยู่เมืองนอกไปนั่งหายใจเล่นเฉยๆ ไม่ได้เข้าเรียน ก็เก่งภาอังกฤษขึ้นมาได้ ฟังเหมือนมหัศจรรย์ แต่ต้องยอมรับครับว่านั่นก็คือ การที่เค้าใช้ชีวิติอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษนั่นเอง
ซึ่งโดยธรรมชาติของคนเรานั้น มันก็จะปรับตัวไปเอง เมื่อเราจับประเด็นตรงนี้ได้ คาดว่าหลายๆคนก็คงจะเดาออกว่า ผมจะหมายถึง เทคนิค “การสร้างสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเราให้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา” นั่นยังไงละครับ แต่…ก็อย่างที่ผมได้เกริ่นเอาไว้นั่นแหละครับว่า มันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยาก (จนเกินไป) ก็เนื่องจากเราอยู่เมืองไทย แค่ออกไปนอกบ้าน ได้ยินหมาเห่า มันยังเห่าเป็นสำเนียงไทยเลยใช่มั้ยครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะทำไมได้นะครับ กล่าวคือ….เราต้องพยายามเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของเราให้เป้นภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด เช่น…
ตื่นนอน แทนที่เราจะฮัมเพลงเวลาแปรงฟันอาบน้ำ เป็น ฟิล์มรัฐภูมิ หรือ กอล์ฟ-ไมค์ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น Britney Spear หรือ Michael Jackson (แต่ไม้ต้องเต้น) ก็ได้นะครับ พอลงมาชั้นล่าง แทนที่จะเปิดช่อง 3 ดูเรื่องเล่าเช้านี้ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น CNN BBC หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แทนที่จะเป็นคอล์ลัมดาราในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น Bangkok Post แทน
ผมคงไม่ต้องบอกทั้ง 24 ช.ม. หรือนะครับว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เพราะคิดว่าเท่านี้ทุกๆท่านคงจะพอนึกภาพคร่าวๆออกใช่มั้ยครับ อีกอย่าง สภาพการใช้ชีวิตของคนเราแต่ละคน ก็ใช่ว่าจะเหมือนกันซะที่ไหน เอาเป็นว่า นื่เป็นไอเดียคร่าวๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตนะครับ
สุดท้ายผมหวังว่าภาษาอังกฤษจะไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับผู้ที่ตั้งใจจริงอีกต่อไปนะครับ