ตอบอย่างไรให้ได้คะแนน
คำถาม-คำตอบในข้อสอบ Reading ของ IELTS นั้น นับว่าค่อนข้างจะมีความแปลกแตกต่าง จากข้อสอบที่นักเรียนไทยๆอย่างเราๆเคยเจอะเจอหรือทำมาอยู่นิดหน่อย
อย่างประเภทของคำถาม-คำตอบในข้อสอบ Reading ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในโรงเรียนไทยๆ ก็จะมีไล่ตั้งแต่พื้นๆแบบที่เจอกันเป็นประจำในข้อสอบปลายภาคหรือ Entrance ก็ได้แก่ “สี่สหาย” ไก่ ไข่ ควาย งู หรือ กาตัวเลือก (Choice) ที่ (ผมว่า) คนไม่เก่งแต่ดวงดีก็มีสิทธิจะตอบได้ แต่เมื่อออกไปสู่โลกกว้าง กระโดดไปสู่ระดับข้อสอบอย่าง IELTS แล้ว มีเหรอ อะไรจะง่ายดายมากับดวงปานนั้น ไม่มีหรอกครับ
ดังนั้นคำถามที่ตอบแบบสิ้นคิดอย่าง กาตัวเลือก หรือ Choice นั้น บอกตรงๆได้เลยครับว่า ค่อนข้างน้อย!!! เหมือนนักการเมืองที่ไม่ค่อยจะคอรัปชั่นไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า คำถามที่เราๆ มักจะเจอในข้อสอบ IELTS ที่ Top Hit ที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น 2 แบบหลักๆซึ่งแบบแรกที่อยากจะยกมมาคุยก็คือ Yes, no และ not given ซึ่งการตอบในแต่ละแบบนั้น นักเรียนจะต้องเข้าใจความหมายของคำสั้นๆ 3 คำนี้ก่อนนะครับว่ามันแตกต่างกันอย่างไร
“Yes” แปลตรงๆว่า “ใช่” หรือถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นสมัยนี้ก็ต้องบอกว่า “ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบ” ซึ่งการตอบแบบนี้ หมายความว่า ประโยคที่คำถามให้มานั้นแสดงแนวคิดที่สอดคล้องหรือเห็นด้วยกับผู้เขียน หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือข้อความดังกล่าวได้ถูกกล่าวไว้ในเนื้อเรื่องที่อ่านนั้นแล้วนั่นเอง ส่วนการตอบการตอบ “No” ที่แปลว่า “ไม่” นั้น ไม่ต้องพิมพ์ให้เมื่อยก็บอกได้เลยว่า ตรงข้ามกับ Yes ข้างบนไง…จบ… (เขียนง่ายๆดีมะ)
และสุดท้าย ที่ถือว่ายากที่สุดก็คือ “Not Given” ซึ่งแปลว่า “ไม่ได้บอกมานะโว้ย” โดยตัวผู้เขียนหรือเนื้อเรื่องดังกล่าวนั้น ไม่ได้เล่าถึงเรื่องหรือข้อความนั้นๆเลย ซึ่งคำว่า “ไม่ได้เล่าถึงหรือกล่าวข้อความนั้นๆเลย” นั้น อันนี้ดูเหมือนจะเป็นที่น่าตะขิดตะขวงใจเป็นที่สุด เพราะบางทีเราอาจจะรู้สึกว่าข้อความในเรื่องได้กล่าวเอาไว้นะ เพียงแต่อาจจะไม่ได้บอกตรงๆ ถ้านึกภาพไม่ออก ผมจะลองยกตัวอย่างประโยคง่ายๆให้เห็นเช่น “I like this flower” หรือ “ฉันชอบดอกไม้นี้จัง” ผู้อ่านก็คงต้องจินตนาการว่า ถ้าชอบดอกไม้ก็แปลว่า ดอกไม้นี้คงสวยและมีกลิ่นหอม
ดังนั้นเมื่อคำถาม ถามว่า “The flower smells good and looks beautiful” นักเรียนหลายๆคน อาจจะคิดว่าคำตอบคงจะเป็น “Yes” ซึ่งจริงๆแล้วนั้นไม่ใช่ เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้บอกมา แต่การที่เราคิดว่าใช่ เพราะเราคิดตามเนื้อเรื่องไปเองมากกว่า ว่าถ้า ชอบก็คงจะเป็นอะไรที่ดีๆ
ดังนั้น นักเรียนจะต้องอ่านเนื้อเรื่องและทำความเข้าใจกับคำถามให้ดีๆนะครับ สำหรับคำถามประเภทต่อไปก็คือคำถามแบบ ”Short-answer” หรือตอบสั้นๆ ซึ่งลักษณะคำถามที่มักจะนำเอาการถาม-ตอบรูปแบบนี้มาใช้นั้น ผู้เขียนได้ทำการวิจัย (เวอร์ไปมะ) มาแล้วว่า ส่วนมากจะเป็นการอ่านที่อยู่ใน รูปแบบของ ตาราง กราฟ และ แผนที่แผนภูมิต่างๆ ซะส่วนมาก
ซึ่งคำถามก็จะกำหนดไปเลยครับว่า คำตอบที่ต้องการนั้น “ห้ามเขียนเกิน 3 คำ” ซึ่งสาเหตุที่เค้าต้องการแค่ 3 คำนั้น ก็เนื่องจาก คนตรวจขี้เกียจตรวจ เอ๊ย! ไม่ใช่ เนื่องจากผู้ตรวจต้องการที่จะวัดความเข้าใจในการอ่านของนักเรียนด้วยการนำแค่ Main Idea หรือ หัวใจสำคัญของเนื้อเรื่องมาตอบมากกว่าที่จะเขียนอะไรอ้อมๆแบบหวังได้คะแนนบ้างซักนิดก็ยังดี อะไรประมาณนั้น
ดังนั้น ในเมื่อคำถาม ต้องการคำตอบแค่ 3 คำ แต่คุณดันโชว์ป๋า ตอบมันซะ 10 ต่อให้ตอบถูกคุณก็จะไม่ได้คะแนนอยู่ดี (ซึ่งทั้งนี้จะยกเว้นการเติม article ‘a’ และ ‘the’ ลงไปนะครับ เราไม่นับเป็นคำ)